น้ำมันมะรุมสกัด (Moringa Oil Virgin)

ในสมัยโบราณที่ยังไม่มีการผลิตยาแผนปัจจุบันเช่นทุกวันนี้ มนุษย์ใช้สมุนไพรหรือวัตถุดิบจากแหล่งธรรมชาติที่อยู่รอบตัว ในการรักษาโรค บำรุงสุขภาพและผิวพรรณ ซึ่งมะรุมก็เป็นเพืชชนิดหนึ่งที่ได้รับความนิยมและมีการใช้มานานกว่าร้อยปี แถมยังได้รับการขนานนามว่า “Miracle Tree หรือ ไม้ยืนต้นมหัศจรรย์” เนื่องจากเป็นพืชที่ให้ประโยชน์มหาศาลและสามารถนำมาใช้ได้หลากหลายด้าน โดยเฉพาะน้ำมันมะรุม ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมาก พร้อมทั้งมีงานวิจัยรองรับเกี่ยวกับสรรพคุณของน้ำมันมะรุมอีกด้วย ทำให้ในปัจจุบันมีการน้ำมันมะรุมเป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์สุขภาพและความงาม นอกจากประโยชน์ที่หลากหลายของมะรุมแล้ว น้ำมันมะรุมยังเป็นสารสกัดที่ได้จากธรรมชาติบริสุทธิ์ ทำให้มีความปลอดภัยต่อผู้ใช้และปราศจากสารเคมีอีกด้วย

ต้นมะรุม
ต้นมะรุมเป็นพืชท้องถิ่นของประเทศไทย มีชื่อทางวิทยาศาสตร์คือ Moringa oleifera ถูกจัดอยู่ในวงศ์ Moringaceae เป็นไม้ยืนต้นโตเร็ว ทนต่อสภาวะแล้ง สามารถปลูกได้ในเขตร้อน โดยลำต้นมีความสูงถึง 4 เมตร ใบเป็นใบประกอบแบบขนนก ชนิดแตกใบย่อย 3 ชั้น มีความยาว 20 – 40 เซนติเมตร ผิวใบด้านล่างมีสีอ่อนและมีขนเล็กน้อยในขณะเป็นใบอ่อน ใบมีรสหวานมัน ออกดอกในฤดูหนาว แต่มีบางสายพันธุ์ออกดอกหลายครั้งในรอบปี ดอกมีลักษณะเป็นดอกช่อสีขาว มีกลีบดอก 5 กลีบแยกกัน ดอกมีรสขม มันเล็กน้อย ส่วนผลมีลักษณะเป็นฝักยาว เปลือกมีสีเขียว มีส่วนคอดเป็นระยะ ๆ ตามความยาวของฝัก โดยฝักยาวประมาณ 20 – 50 เซนติเมตร มีรสหวาน นำมาประกอบอาหารได้ และเมล็ดมีลักษณะเป็นรูปสามเหลี่ยม รัศมีประมาณ 5 มิลลิเมตร

ข้อมูลและส่วนประกอบของน้ำมันมะรุม
ลักษณะภายนอก : น้ำมันสีเหลืองใส

คุณค่าทางสารอาหารของน้ำมันมะรุมสกัดเย็น

• วิตามิน อี (Vitamin E)
  น้ำมันมะรุมอุดมไปด้วยวิตามิน อี ทั้ง 3 ชนิด ได้แก่ α-tocopherol, ϒ-tocopherol และ δ-tocopherol ซึ่งสามารถนำมาทาผิวหนัง เพื่อบำรุงผิวให้มีความกระจ่างใสและลดริ้วรอย หรือสามารถบริโภค เพื่อเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้ร่างกายมีความแข็งแรงได้เช่นกัน
• ฟลาโวนอยด์ (Flavonoids)
  ในมะรุมมีสารประเภทฟลาโวนอยด์ ซึ่งเป็นสารต้านแอนตี้ออกซิเดชัน ที่สามารถช่วยปกป้องร่างกายจากเซลล์มะเร็งและช่วยชะลอกระบวนการแก่
• สเตอรอล (Sterols)
  ในน้ำมันมะรุมสกัดเย็นอุดมไปด้วยคลอเรสเตอรอลชนิดดีหรือ phytosterol ซึ่งสามารถช่วยควบคุมระดับคลอเรสเตอรอลและปรับระดับน้ำตาลในเลือด ทำให้ร่างกายมีสุขภาพดี

ประโยชน์ของน้ำมันมะรุม

• บำรุงผิวพรรณ
  น้ำมันมะรุมมีความปลอดภัยและช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว และเมื่อนำมาใช้นวดหรือทางจะช่วยทำให้ผิวมีความอ่อนนุ่มกระจ่างใส ที่สำคัญทำให้เกิดผิวมันและเหนียวเหนอะหนะ นอกจากนี้ยังสามารถช่วยลดริ้วรอยได้อีกด้วย เนื่องจากในน้ำมันมะรุมอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ (antioxidants) และ omega 9 fatty acids ซึ่งสามารถช่วยป้องกันการเกิดริ้วรอยจากวัย และทำให้ผิวเนียนนุ่มมีความชุ่มชื้น
• บำรุงเส้นผมและหนังศีรษะ
  น้ำมันมะรุมสามารถใช้เป็นครีมบำรุงผิวได้อย่างดี เนื่องจากสามารถซึมเข้าสู่เส้นผมและหนังศีรษะทำให้ผมมีความแข็งแรง หรือนำมาทำเป็น hot oil conditioner ซึ่งสามารถช่วยบรรเทาปัญหารังแค เส้นผมแตกปลาย และยังสามารถช่วยสามารถบรรเทาอาการคันหนังศีรษะได้อีกด้วย

การใช้น้ำมันมะรุม

• ใช้ทาผิวหรือชะโลมบนเส้นผมได้โดยตรง โดยน้ำมันมะรุมจะทำงานร่วมกับส่วนผสมตัวอื่น ๆ ในผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหรือเส้นผม ซึ่งปริมาณที่ใช้อยู่ที่ 3% – 10%
• ใช้เป็นส่วนผสมในอุตสาหกรรมเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์บำรุงเส้นผม เนื่องจากมีส่วนประกอบกอบของกรดบีฮีนิค (behenic fatty acid) หรือเรียกว่ากรดโดโคซาโนอิก (docosanoic acid) เป็นกรดไขมันอิ่มตัวสายยาวที่สามารถทำหน้าที่เป็นสารให้ตวามข้นหนืด (thickening) และสารลดแรงตึงผิว(surfactant) ซึ่งสามารถช่วยบำรุงผิวให้มีความนุ่มนวลและทำให้เส้นผมให้มีนุ่มสลวย นอกจากนี้ยังมีการใช้เป็นสารให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว (moisturizer) ในครีมบำรุงผิวหน้าอีกด้วย